เทรนด์แพคเกจจิ้งใส่อาหารที่น่าจับตามองในปี 2023

เมื่อเรามองถึงเทรนด์แพคเกจจิ้งใส่อาหารในปี 2023 เป็นที่ชัดเจนว่าอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารอยู่ในจุดเปลี่ยน ผู้บริโภคมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของบรรจุภัณฑ์และพวกเขาต้องการทางเลือกที่ดูเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในขณะเดียวกันและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็มีการหาทางออก

การแก้ปัญหาเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์อาหารในบทความนี้ เราจะพาไปดูเทรนด์แพคเกจจิ้งในอนาคตของแพคเกจจิ้งใส่อาหารและนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสิ่งที่คาดว่าจะได้เห็นในปี 2023 นี้และปีต่อๆไป ตั้งแต่วัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพไปจนถึงเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ เราจะมาดูกันว่าแพคเกจจิ้งใส่อาหารมีการพัฒนาอย่างไรบ้างเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม

แพคเกจจิ้งใส่อาหารที่มาแรงในปี 2023

เทรนด์แพคเกจจิ้งใส่อาหารที่น่าจับตามองในปี 2023 2

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนี้คนหันมาใส่ใจการกินกันมากขึ้น จึงทำให้เรา หรือผู้ประกอบการเกี่ยวกับธุรกิจด้านอาหาร และแพคเกจจิ้งใส่อาหาร ต้องมีการใส่ใจในเรื่องของการผลิตกล่อง วัสดุที่นำมาผลิต หรือแม้แต่เรื่องของการออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานของคนในปัจจุบัน และแนวโน้มของแพคเกจจิ้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2023 นี้ ก็ได้แก่

1.ใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม และสุขภาพกันการมากขึ้นจึงมีความต้องการวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ หรือย่อยสลายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแนวโน้มนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากมีบริษัทจำนวนมากขึ้นที่แสวงหาทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทนพลาสติกแบบดั้งเดิม และตัวอย่างของวัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เช่น

  • วัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ: กระดาษ กระดาษแข็ง ไม้ ไม้ไผ่ และพลาสติกชีวภาพ เป็นต้น
  • กระดาษคราฟท์: เพราะกระดาษคราฟท์เป็นกระดาษประเภทหนึ่งที่ทำจากเยื่อไม้ที่ผ่านกระบวนการทางสารเคมีเพื่อให้มีความแข็งแรงทนทาน มีความยืดหยุ่น โดยทั่วไปแล้วกระดาษคราฟท์จะมีสีน้ำตาล พื้นผิวขรุขระ กระดาษคราฟท์ขึ้นชื่อในด้านความต้านทานแรงดึงสูง ทำให้ทนทานต่อการฉีกขาด นอกจากนี้ยังทนทานต่อน้ำ ความชื้น จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการนำไปใช้เป็นแพคเกจจิ้งใส่อาหาร หรือเป็นแพคเกจจิ้งบรรจุสินค้าประเภทต่างๆ และกระดาษคราฟท์มักใช้ทำถุง ซองจดหมาย ได้อีกด้วย

2.ออกแบบแพคเกจจิ้งใส่อาหารให้เป็นแบบมินิมอล

คนในยุคปัจจุบันไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยาก วุ่นวายและยิ่งเป็นแพคเกจจิ้งที่ใส่อาหารแล้วก็ ไม่จำเป็นต้องมีตัวหนังสือ ข้อความให้มากมาย เนื่องจากกล่องที่บรรจุอาหารจะต้องดูมีความสะอาด ปลอดภัยนั่นเองและการที่จะออกแบบแพคเกจจิ้งใส่อาหารให้ดูมินิมอลได้นั้นก็ต้องอาศัยวิธีการต่างๆ ดังนี้

  • ใช้วัสดุให้น้อยลง: ใช้ปริมาณวัสดุขั้นต่ำและใช้เท่าที่จำเป็นในการผลิตแพคเกจจิ้งใส่อาหาร จะสามารถช่วยลดของเสีย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากแพคเกจจิ้งของคุณได้ สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าแพคเกจจิ้งยังคงทำหน้าที่หลัก ซึ่งก็คือการปกป้อง และถนอมอาหาร แต่การใช้วัสดุให้น้อยลงสามารถช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมของแพคเกจจิ้งได้ คุณยังสามารถใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบามากขึ้นได้ เช่น วัสดุจากกระดาษอาร์ตการ์ด กระดาษคราฟท์ เพราะ 2 ชนิดกระดาษนี้เมื่อมีการออกแบบจะมีความมินิมอลอีกด้วย
  • ลดความซับซ้อนของการออกแบบ: การที่จะทำให้การออกแบบแพคเกจจิ้งใส่อาหารง่ายขึ้น และมีความมินิมอล การออกแบบจะต้องมีความเรียบง่ายและตรงไปตรงมา สามารถลดปริมาณวัสดุที่ใช้ในแพคเกจจิ้ง และทำให้ง่ายต่อการรีไซเคิล หรือนำแพจจิ้งกลับมาใช้ใหม่หลังจากที่ได้ใช้งานตามที่ต้องการแล้ว การหลีกเลี่ยงองค์ประกอบหรือการจัดแต่งที่ไม่จำเป็นยังสามารถช่วยให้บรรจุภัณฑ์มีขนาดเล็ก และน้ำหนักเบา นอกจากนี้ การออกแบบที่เรียบง่ายยังสามารถดึงดูดผู้บริโภคได้มากกว่าด้วย
  • ใช้ฟอนต์ที่ดูสบายตา: การเลือกใช้ฟอนต์ที่สบายตา อ่านง่าย ไม่เพียงแต่จะช่วยให้แพคเกจจิ้งใส่อาหารมีความมินิมอลเท่านั้น แต่ยังมีข้อดีหลายข้อที่ทำให้เป็นที่นิยมใช้ฟอนต์ที่อ่านง่ายสบายตาอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยดึงดูดใจผู้บริโภคมากขึ้น เนื่องจากฟอนต์ที่อ่านง่าย และสบายตาสามารถทำให้บรรจุภัณฑ์ของคุณดึงดูดใจผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายอาหารได้อีกทาง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการจดจำแบรนด์ เพราะการใช้ฟอนต์ที่อ่านง่าย จะทำให้คนที่เห็นจำง่ายได้เหมือนกัน และเป็นสื่อการตลาดที่ช่วยสร้างแบรนด์ได้อีกด้วย

3.แพคเกจจิ้งที่ใช้งานง่าย และพกพาสะดวก

ด้วยข้อจำกัดของเวลาคนในปัจจุบันนี้ มีตารางงานที่ยุ่ง และไม่มีเวลามากพอที่จะทำอย่างอื่น เช่น ซื้อของ เตรียมอาหาร จึงทำให้คนส่วนใหญ่หันมาซื้ออาหารที่ร้านกลับไปทานที่บ้านเองซะมากกว่า ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ทำให้เราต้องมีการออกแบบให้ใช้งานได้ง่าย และพกพาได้สะดวก และการที่จะทำให้แพคเกจจิ้งให้งานได้สะดวก พกพาง่ายนั้นก็ต้องมีลักษณะ ดังนี้

  • น้ำหนักเบา: แพคเกจจิ้งใส่อาหารควรที่จะมีน้ำหนักเบา เพื่อให้การพกพาจะได้มีความสะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแพคเกจจิ้งมีไว้สำหรับการรับประทานขณะเดินทาง อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือ แพคเกจจิ้งต้องมีแข็งแรงพอที่จะปกป้องอาหาร และรักษาความสดใหม่ด้วย
  • ทนทาน: แพคเกจจิ้งควรแข็งแรง สามารถทนทานต่อการกระแทก หรือการขนส่ง โดยจะต้องปิดได้มิดชิด อาหารไม่หกเลอะเทอะออกมา
  • เปิด-ปิดง่าย: แพคเกจจิ้งควรเปิดและปิดสะดวก และใช้งานง่าย เช่น การเปิด-ปิดด้วยฝาล็อค
  • ง่ายต่อการถือ: ควรได้รับการออกแบบในลักษณะที่ทำให้ถือ และจับได้ง่าย โดยเฉพาะหากอาหารนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อรับประทานด้วยมือ
  • การออกแบบที่เป็นมิตรกับผู้ใช้: ควรมีคำแนะนำที่ชัดเจนและเนื้อหาที่มีฉลากกำกับการใช้งานหรือวิธีการเก็บรักษาไว้อย่างละเอียดเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ง่ายและใช้งานได้อย่างถูกวิธี

4.แพคเกจจิ้งมีความปลอดต่อผู้บริโภค

ความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในการออกแบบแพคเกจจิ้งใส่อาหาร เพราะแพคเกจจิ้งควรสามารถปกป้องอาหารจากการปนเปื้อน การเน่าเสียและความเสียหายประเภทอื่นๆ ซึ่งอาจจะต้องมีการใช้วัสดุที่ทนทานต่อความชื้น แสง และปัจจัยอื่นๆที่อาจส่งผลต่อคุณภาพของอาหาร นอกจากนี้ยังอาจเกี่ยวข้องกับการใช้องค์ประกอบการออกแบบที่สามารถจะป้องกันการปนเปื้อนได้ เช่น ระบบการซีลและการปิดที่เหมาะสม ฉะนั้นแล้วสิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามกฎและแนวทางด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเมื่อออกแบบสิ่งนี้สามารถช่วยให้แน่ใจว่าบรรจุภัณฑ์นั้นปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค เป็นไปตามมาตรฐานและการที่จะผลิตแพคเกจจิ้งให้มีความปลอดภัยได้นั้น ก็มีขั้นตอนดังนี้

  • ใช้วัสดุเหมาะสม: คือ ต้องใช้วัสดุที่ปลอดภัยสำหรับการสัมผัสกับอาหาร และไม่ปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตราย หรือสารปนเปื้อนลงในอาหาร
  • ผลิตตามมาตรฐานที่กำหนดไว้: ปฏิบัติตามแนวทางและระเบียบปฏิบัติที่เข้มงวดในเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยในระหว่างกระบวนการผลิตเพื่อป้องกันการปนเปื้อน
  • มีการทดสอบแพคเกจจิ้ง: จะต้องทำการทดสอบแพคเกจจิ้งให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อให้แน่ใจว่าแพคเกจจิ้งนั้นปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการปกป้องอาหารจากการปนเปื้อน
  • มีการตรวจสอบกระบวนการผลิต: ต้องมีการตรวจสอบกระบวนการผลิตอยู่เป็นประจำ เพื่อให้รู้ปัญหา และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น หรือปัญหาที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของแพคเกจจิ้งใส่อาหาร

5.ใช้ภาพประกอบที่น่าดึงดูด

ไม่ว่าจะเป็นแพคเกจจิ้งใส่อาหาร หรือแพคเกจจิ้งสินค้าประเภทอื่น การใส่รูปภาพของผลิตภัณฑ์นั้นๆลงไปบนแพคเกจจิ้งด้วย ก็ถือว่าสามารถที่จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์นั้นมียอดขายที่เพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากรูปภาพจะช่วยให้แพคเกจจิ้งดูน่าสนใจ และสะดุดตามากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดีและยังมีข้อดีในการใช้ภาพประกอบอีกหลายข้อ เช่

  • ภาพประกอบสามารถช่วยถ่ายทอดแนวคิดของผลิตภัณฑ์ได้: ตัวอย่างเช่น สามารถใช้ภาพประกอบของอาหารในร้าน เพื่อสื่อว่าผลิตภัณฑ์อาหารของเรา เป็นอาหารประเภทไหน เป็นแบบธรรมดา หรือออร์แกนิก
  • ภาพประกอบสามารถทำให้แพคเกจจิ้งดูน่าสนใจ และสะดุดตา ซึ่งสามารถช่วยดึงดูดลูกค้าได้ และยังนำไปสู่ยอดขายที่ดีขึ้นอีกด้วย
  • ภาพประกอบยังสามารถใช้เพื่อแยกความแตกต่าง: ของผลิตภัณฑ์จากคู่แข่ง ภาพประกอบสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการแยกแยะผลิตภัณฑ์จากคู่แข่ง ด้วยการใช้ภาพประกอบที่เป็นเอกลักษณ์หรือโดดเด่นบนบรรจุภัณฑ์ ร้านสามารถสร้างเอกลักษณ์ทางภาพให้กับผลิตภัณฑ์

สิ่งนี้สามารถช่วยให้ผลิตภัณฑ์โดดเด่นกว่าร้านค้าอาหารอื่นได้และดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค นอกจากนี้ การใช้ภาพประกอบที่เฉพาะเจาะจงสำหรับผลิตภัณฑ์หรือตราสินค้าสามารถช่วยสร้างการจดจำตราสินค้าและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าได้อีกด้วย

6.ใช้เทคโนโลยี QR Code

ปัจจุบันนี้เราจะเห็นว่าธุรกิจหลากหลายประเภทเริ่มนำเอาเทคโนโลยี QR Code มาใช้กับธุรกิจกันมากขึ้นเนื่องจากทำให้สะดวกรวดเร็ว ในการเข้าถึงข้อมูลของสินค้านั้นๆโดยลูกค้าสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ วิดีโอ คูปอง หรือเนื้อหาดิจิทัลประเภทอื่นๆได้อย่างรวดเร็วด้วยการสแกนโค้ดด้วยสมาร์ทโฟนและยังสามารถใช้รหัส QR เพื่อติดตามแคมเปญการตลาดของทางร้านได้ ด้วยการรวมรหัส QR ที่ไม่ซ้ำกันไว้ในโฆษณาแต่ละรายการ ธุรกิจสามารถติดตามจำนวนผู้ที่สแกนรหัสและเข้าถึงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้

อีกทั้งการใช้ QR Code ใส่ลงบนแพคเกจจิ้งใส่อาหารยังสามารถใช้เพื่อปรับปรุงการมีส่วนร่วม และความพึงพอใจของลูกค้าที่มีกับทางร้าน ตัวอย่างเช่น สามารถใช้รหัส QR เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาประเมินการบริการของร้าน ประเมินพนักงานในร้าน และการประเมินเหล่านี้ของลูกค้า จะช่วยให้เราสามารถที่จะปรับปรุงการบริการ รสชาติของอาหารได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง


สรุป

ดังนั้นแล้ว เทรนด์แพคเกจจิ้งใส่อาหารที่น่าจับตามองในปี 2023 นี้ ก็มีความน่าจะเป็นว่าจะมีการเลือกใช้วัสดุในการผลิตแพคเกจจิ้งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เนื่องจากคนในยุคปัจจุบันหันมาใส่ใจสุขภาพ ใส่ใจในเรื่องของการกินมากขึ้น และชอบแพคเกจจิ้งที่ดูมินิมอล เพราะเดี๋ยวนี้คนชอบความเรียบง่าย ดูไม่รกตา อีกทั้งยังชอบความสะดวกสบาย และต้องมีความปลอดภัยด้วย

เนื่องด้วยเวลาที่เร่งรีบไม่มีเวลานั่งทานอาหารจึงต้องซื้อกลับบ้านหรือซื้ออาหารไปกินบนรถ เลยทำให้แพคเกจจิ้งใส่อาหารต้องสามารถที่จะพกพาได้สะดวก และแพคเกจจิ้งในยุค 2023 นี้ ยังต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องกับธุรกิจด้วย เนื่องจากจะได้ง่าย สะดวกรวดเร็วในการสื่อสารข้อมูลของผลิตภัณฑ์นั่นเอง

ติดต่อเราได้ที่ LineOA : @rigidboxs ☎ โทรด่วนฝ่ายขาย : 092-335-5951