กล่องบรรจุภัณฑ์กระดาษสำหรับใส่อาหาร ดีไซน์ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับอาหารหลากหลายประเภท เช่น อาหารกล่อง หรืออาหารพร้อมรับประทาน

เรียนรู้วิธีเลือกวัสดุและออกแบบกล่องกระดาษใส่อาหารที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นกระดาษคราฟท์ หรือกระดาษเคลือบกันน้ำ พร้อมเคล็ดลับการออกแบบที่โดดเด่นและการเลือกขนาดที่เหมาะสมสำหรับอาหาร

ในปัจจุบันการเลือกวัสดุและการออกแบบกล่องกระดาษสำหรับบรรจุอาหารมีความสำคัญมากไม่เพียงแต่ในแง่ของความสะดวกสบายในการใช้งาน แต่ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์และความพึงพอใจของลูกค้า บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับวัสดุยอดนิยมในการผลิตกล่องกระดาษใส่อาหาร รวมไปถึงแนวทางการออกแบบกล่องให้น่าสนใจและตอบโจทย์ลูกค้า

กล่องกระดาษใส่อาหารฟาสต์ฟู้ดพร้อมโลโก้ ดีไซน์กล่องอาหารสวยงามและโดดเด่น เหมาะสำหรับอาหารจานด่วน เช่น ไก่ทอดและเฟรนช์ฟรายส์

วัสดุที่นิยมในการผลิตกล่องกระดาษใส่อาหาร

วัสดุที่นิยมใช้ในการผลิตกล่องกระดาษใส่อาหารมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการบรรจุอาหารและตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ดังนี้

1.กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper)

  • คุณสมบัติ: ทนทานต่อการฉีกขาด, ปลอดสารเคมี, ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารที่ต้องการความแข็งแรงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น กล่องขนมขบเคี้ยว หรือกล่องบรรจุอาหารทั่วไป

2.กระดาษเคลือบมัน (Coated Paper)

  • คุณสมบัติ: มีผิวเรียบเงา, ป้องกันน้ำและน้ำมัน
  • การใช้งาน: ใช้สำหรับกล่องที่ต้องการความสวยงามและป้องกันการรั่วซึมของอาหาร เช่น กล่องเค้กหรือขนมที่มีน้ำหรือซอส

3.กระดาษฟู้ดเกรด (Food Grade Paper)

  • คุณสมบัติ: ปลอดภัยสำหรับสัมผัสอาหาร, ไม่มีสารตกค้าง
  • การใช้งาน: ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความมั่นใจในด้านสุขอนามัย เช่น ถ้วยกระดาษใส่อาหาร หรือถุงใส่ขนม

4.กระดาษกันไขมัน (Greaseproof Paper)

  • คุณสมบัติ: ทนต่อน้ำมันและไขมัน
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับห่อขนมและอาหารที่มีไขมันสูง เช่น เบเกอรี่ ขนมปัง หรืออาหารทอด

5.กระดาษซัลไฟท์ (Sulphite Paper)

  • คุณสมบัติ: เบาและบาง, ป้องกันน้ำ
  • การใช้งาน: ใช้ในการผลิตถุงหรือห่อเล็กๆ สำหรับขนมหวานหรือขนมปังกรอบที่ไม่ต้องการการเก็บรักษานาน

วัสดุเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้การบรรจุอาหารมีความปลอดภัยและสะดวกสบาย แต่ยังช่วยรักษาคุณภาพของอาหารให้คงอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการใช้งานที่เหมาะสม

กล่องกระดาษใส่อาหารแบบหิ้ว สะดวกต่อการพกพาและดีต่อสุขภาพสำหรับผู้บริโภค

ตัวอย่างขนาดกล่องกระดาษใส่อาหารที่ได้มาตรฐาน

กล่องกระดาษอาหารที่ได้มาตรฐานมีหลายประเภทและความจุ ซึ่งเหมาะสำหรับการบรรจุอาหารต่างๆ โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มตามขนาดและประเภทการใช้งาน ดังนี้

กล่องข้าว

  • 600 ml: ขนาด 17 × 11 × 3.5 cm
  • 725 ml: ขนาด 17.5 × 11.8 × 4.5 cm
  • 1300 ml: ขนาด 18.5 × 18.5 × 7 cm
  • 2000 ml: ขนาด 22.5 × 17 × 8 cm

กล่องอาหาร To Go

  • ทรงสูง 16 ออนซ์: ขนาด 7.6 × 5.5 × 8.2 cm
  • ทรงสูง 26 ออนซ์: ขนาด 6.7 × 8 × 10.3 cm
  • ทรงสูง 32 ออนซ์: ขนาด 7 × 9 × 10.9 cm
  • ทรงกว้าง 26 ออนซ์: ขนาด 8.9 × 11.1 × 6.4 cm
  • ทรงกว้าง 45 ออนซ์: ขนาด 12 × 15.2 × 6.4 cm
  • ทรงกว้าง 49 ออนซ์: ขนาด 19.7 × 14 × 4.8 cm

กล่องไก่ทอด

  • Size XS (3-4 ชิ้น): ขนาด 13 × 8 × 6 cm
  • Size S (6-7 ชิ้น): ขนาด 15 × 10 × 6.5 cm
  • Size M (13-15 ชิ้น): ขนาด 19 × 11.5 × 9 cm
กล่องกระดาษใส่อาหารที่ออกแบบมาเพื่อสิ่งแวดล้อมและใช้งานสะดวก เหมาะกับการใส่อาหารกลางวันหรือมื้ออาหารว่าง

ปัจจัยในการออกแบบกล่องกระดาษใส่อาหาร

ปัจจัยในการออกแบบกล่องกระดาษใส่อาหารมีความสำคัญต่อการสร้างบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยสามารถแบ่งออกเป็นหลายด้าน ดังนี้

1.ความปลอดภัยและสุขอนามัย

ควรเลือกใช้วัสดุที่เป็น Food Grade ซึ่งปลอดภัยสำหรับสัมผัสอาหารโดยตรงและมีคุณสมบัติในการป้องกันการปนเปื้อนจากภายนอก เช่น กระดาษฟู้ดเกรด ซึ่งสามารถใช้งานได้ในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความมั่นใจในด้านสุขอนามัย

2.ตอบโจทย์ตลาด

ออกแบบให้ตอบสนองต่อแนวโน้มของผู้บริโภค เช่น ความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้สินค้าของคุณสอดคล้องกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน

3.ฟังก์ชันการใช้งาน

กล่องควรมีการออกแบบที่เหมาะสมกับประเภทอาหาร เช่น การใช้กล่องที่มี รูระบายอากาศ สำหรับพิซซ่า หรือกล่องที่สามารถ กันน้ำและความชื้น สำหรับอาหารแช่แข็ง ฟังก์ชันเหล่านี้จะช่วยให้การบรรจุอาหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถรักษาคุณภาพของอาหารได้

4.ความสะดวกในการจัดเก็บและขนส่ง

การออกแบบควรคำนึงถึง ขนาด และ รูปทรง ของกล่องเพื่อให้สามารถจัดเก็บได้ง่าย และลดพื้นที่ในการขนส่ง กล่องที่ออกแบบมาอย่างดีจะช่วยลดต้นทุนในด้านการขนส่งและจัดเก็บ

5.ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ใช้วัสดุที่ ย่อยสลายได้ง่าย หรือสามารถ นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น กระดาษคราฟท์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติหรือวัสดุรีไซเคิลที่ช่วยลดขยะ

สรุป

การเลือกวัสดุและการออกแบบกล่องกระดาษใส่อาหารที่เหมาะสมไม่เพียงแต่จะช่วยให้การบรรจุอาหารเป็นไปได้ดี แต่ยังช่วยเสริมสร้างความน่าสนใจให้กับแบรนด์และตอบโจทย์ความสะดวกสบายของลูกค้า การใช้วัสดุที่เหมาะสม เช่น กระดาษคราฟท์หรือกระดาษเคลือบกันน้ำ พร้อมการออกแบบที่ใช้งานง่ายและมีฟังก์ชันเพิ่มเติม จะช่วยให้กล่องกระดาษอาหารของคุณโดดเด่นและมีประสิทธิภาพในการใช้งานมากยิ่งขึ้น

อ่านบทความเพิ่มเติม: ประโยชน์ของกล่องกระดาษใส่อาหาร ต่อผู้บริโภค และธุรกิจ